สธ.เผยวัคซีน 2 เข็ม กัน “โอมิครอน” ไม่ได้ ฉีด 4 เข็มกันติดเชื้อสูง ยังไม่พบเสียชีวิต
วันที่ 21 มี.ค. 2565 นพ.เฉวตสรร นามวาท ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงในการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ขณะนี้พบผู้ป่วยปอดอักเสบ 1,464 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 514 ราย และเสียชีวิต 88 ราย เป็นที่ทราบกันดีว่าจำนวนผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตจะมีระยะเวลาตามหลังจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นมาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นที่คาดไว้และอยู่ในระดับที่รับมือได้
สำหรับผู้เสียชีวิต 88 ราย พบว่ามีปอดอักเสบ 74 ราย ไม่มีปอดอักเสบ 14 ราย โดยมีโรคประจำตัวอื่นๆ ประกอบ ทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตเป็นกลุ่ม 608 ถึง 94% ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อเสียชีวิตเมื่อมีการติดเชื้อโควิด
นอกจากนี้ พบว่าไม่ได้รับวัคซีน 52% ทั้งที่ในประเทศไทยได้วัคซีนเข็มที่ 1 ไปแล้ว 80% เข็มที่ 2 ก็ใกล้กัน ที่ยังไม่ได้ฉีดน่าจะประมาณ 20% แต่คนที่เสียชีวิตสูงถึง 52% ที่ไม่ได้รับวัคซีน ถือว่าน่าเสียดายที่ขาดโอกาสได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิผลป้องกันการเสียชีวิต ส่วนผู้เสียชีวิตที่รับวัคซีนเข็มสองเกิน 3 เดือน พบ 33% จึงอยากให้มาฉีดเข็ม 3
นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า สำหรับผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 19 มี.ค. 2565 จำนวน 2,464 ราย อายุเฉลี่ย 73 ปี อายุน้อยสุด 3 เดือน มากสุด 107 ปี มีหญิงตั้งครรภ์ 2 ราย มีโรคประจำตัว 2,135 ราย มากที่สุดคือโรคความดันโลหิตสูง ตามด้วยเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไตเรื้อรัง มะเร็ง โรคอ้วน และปอดอุดกั้นเรื้อรังรวมถึงหอบหืด
ส่วนความเสี่ยงการรับเชื้อ คือ สัมผัสผู้ติดเชื้อรายอื่น รวมถึงอาศัยในพื้นที่เสี่ยง อาจชี้ไม่ได้ชัดเจนว่าสัมผัสใคร ย้ำว่าโอมิครอนตอนนี้ติดเชื้อง่ายมาก การไล่เรียงสัมผัสผู้ติดเชื้ออาจไม่ชัด ถึงได้ประวัติว่าอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ฉะนั้น จึงต้องใช้มาตรการประกอบอื่นๆ ที่ต้องมีติดตัวคือวัคซีน
สำหรับความก้าวหน้าการประเมินประสิทธิผลวัคซีนจากการใช้จริงระยะที่มีการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน ดำเนินการศึกษาในพื้นที่เชียงใหม่ โดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.เชียงใหม่ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงใหม่ และคณะทำงานติดตามประสิทธิผลวัคซีนโควิด และคณะทำงานวิชาการส่วนกลาง พบว่า ช่วง ต.ค.2564 อัตราการเสียชีวิตของผู้สูงอายุยังไม่มาก คิดเป็นสัดส่วน 60% จากผู้เสียชีวิตทั้งหมด แต่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น โดย พ.ย. 2564 เป็น 71.4% แต่เมื่อถึง ก.พ. 2565 เพิ่มขึ้นเป็น 89.5%
ส่วนข้อสงสัยว่า ญาติอายุมากแล้วฉีดวัคซีนจะอันตรายหรือไม่ ความจริงคือ ไทยฉีดไปแล้วมากกว่า 120 ล้านโดส ยืนยันได้ว่าปลอดภัย หากฉีดแล้วมีอาการไม่พึงประสงค์ก็มีระบบในการดูแล