“อนุทิน” เผยโควิดดีขึ้นอาจเลิก ATK-Thailand Pass ส่อวุ่นหากทำโรคประจำถิ่นบางจังหวัด
วันที่ 27 เม.ย. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด 19 ที่เริ่มมีแนวโน้มลดลงว่า สถานการณ์ขณะนี้คงตัวมาระดับหนึ่งแล้ว หวังว่าถ้าไม่มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์อื่นในช่วงนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตน่าจะลดลงในระยะเวลาอันใกล้ สอดคล้องกับความตั้งใจของกระทรวงและรัฐบาล ที่อยากจะให้ผ่อนคลายมาตรการโควิดให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
เมื่อถามถึงความพร้อมการเป็นโรคประจำถิ่น มีจังหวัดใดที่พร้อมดำเนินการ นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนใหญ่ก็มีความพร้อมแทบทุกจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ก็รับทราบนโยบายของรัฐบาล และความต้องการของประชาชนที่อยากจะให้ผ่อนคลายมาตรการมากที่สุด ทำให้เปิดประเทศทำมาหากินได้ โดยให้สธ.แสดงความมั่นใจว่าสุขภาพจะไม่เป็นอันตราย แม้จะติดเชื้อแล้วก็ไม่เป็นอะไร ซึ่งสธ.ก็ยืนยันว่าติดเชื้อแล้วไม่เป็นอะไรแน่นอน หากมารับวัคซีน 3 เข็มเป็นอย่างต่ำ จึงต้องมาบูสต์มาฉีด 4 เข็มได้ยิ่งดี ซึ่งจากการติดตามพบว่า อาจจะติดเชื้อได้ เพราะเราเป็นสังคมเปิด แต่มากกว่า 90% ไม่แสดงอาการ ไม่ต้องเข้า รพ. และไม่มีผู้เสียชีวิตถ้าไม่มีโรคอื่น ส่วนฉีด 3 เข็ม ก็ไม่มีอาการหนักเช่นกัน เพียงแต่ 4 เข็มจะค่อนข้างชัวร์กว่า ซึ่งสธ.มีวัคซีนและพร้อมให้บริการ
เมื่อถามว่า ทุกจังหวัดต้องมีแผน เปิดกิจการกิจกรรมตามปกติหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กรมควบคุมโรคจะนำเสนอศบค. ซึ่งศบค.ก็ฟัง สธ.เยอะมาก แต่อาจมีบางมิติที่ไม่เกี่ยวข้องกับ สธ.และมีความห่วงใยก็มาหารือใน ศบค. แต่ส่วนใหญ่คณะกรรมการใน ศบค.ทุกท่านก็จะหันมาถาม สธ.ว่าไหวหรือไม่ รับได้หรือไม่ ถ้าทำได้ก็เอาด้วยทุกเรื่อง การสนับสนุนของรัฐบาลเรื่องของโควิด คิดว่าเป็นสิ่งที่ สธ.ได้รับมาโดยตลอด ทั้งงบประมาณการดูแลประชาชน คณะรัฐมนตรีและนายกฯ ก็สนับสนุนอย่างเต็มที่
จริงๆ ทุกวันนี้ก็เดินเข้าสู่โรคประจำถิ่นทุกวัน มาตรการต่างๆ เริ่มลดน้อยลง อย่าง RT-PCR ก่อนเข้าประเทศจาก 2 ครั้งก็เหลือครั้งเดียว ตอนนี้ไม่มีแล้ว Test&Go ก็ไม่มีแล้ว เหลือแค่ ATK แต่พอดีเจอช่วงสงกรานต์เราไม่อยากให้ประชาชนตระหนก หากผ่านไป 1-2 สัปดาห์ หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อ ก็อาจเสนอให้ไม่ต้องมี ATK หรืออาจไม่ต้องมี Thailand Pass
เนื่องจากเสียเวลา ก็ต้องค่อยๆ ปรับเข้าไป เพราะมีทั้งผู้ที่เห็นด้วยกับการปล่อยหมด บางส่วนก็บอกให้ใจเย็นๆ เราก็พยายามสร้างสมดุล เพราะเอาใจคนทั้งหมดก็ไม่ได้ ก็เน้นใช้หลักฐาน สถิติว่าสามารถทำได้ ก็จะได้รับความร่วมมือ สำคัญคือต้องมาฉีดกระตุ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ