สธ. ลงพื้นที่เฝ้าระวังสุขภาพ จากสถานการณ์ “สารหนูปนเปื้อนแม่น้ำกก” จ.เชียงใหม่
สธ. ลงพื้นที่เฝ้าระวังสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม จากสถานการณ์สารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก จังหวัดเชียงใหม่
วันนี้ 20 เม.ย. 68 ดร.นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย พลโทณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย ดร.นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และหน่วยงานในพื้นที่ เฝ้าระวังสถานการณ์สารหนูปนเปื้อนในแม่น้ำกก อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ดำเนินการเฝ้าระวังประเด็นการปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำ โดยเน้น 3 ด้าน คือ 1) การเฝ้าระวังด้านสุขภาพประชาชน โดยได้ทำการคัดกรองสุขภาพและตรวจร่างกายเบื้องต้นในประชาชนพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่พบอาการผิดปกติจากการได้รับพิษจากสารหนูหรือตะกั่ว แต่อย่างไรก็ตาม ได้เก็บตัวอย่างปัสสาวะของกลุ่มตัวอย่างเพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อยืนยันปริมาณสารหนูในร่างกาย โดยจะทราบผลภายใน 2 สัปดาห์ 2) การเฝ้าระวังน้ำประปาและน้ำบริโภค โดยศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ ได้ตรวจคุณภาพน้ำประปาหมู่บ้านใน 9 แห่งของอำเภอแม่อาย ไม่พบการปนเปื้อนสารหนูและตะกั่วเกินกว่ามาตรฐานกำหนด
และจะมีการสุ่มตรวจน้ำอุปโภคบริโภคในครัวเรือนของประชาชนพื้นที่อำเภอแม่อายอีกครั้ง นอกจากนั้นการประปาส่วนภูมิภาคได้ตรวจยืนยันน้ำประปาที่ผลิตและจ่ายในพื้นที่อำเภอแม่อายก็ไม่พบทั้งสารหนูและตะกั่วที่เกินมาตรฐานเช่นกัน 3) การเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมและความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยมี ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ เก็บตัวอย่างน้ำจากแม่น้ำกก 3 จุด เพื่อตรวจยืนยันโลหะหนักอีกครั้ง
ทั้งนี้ กรมกิจการชายแดนทหารจะร่วมประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ ผ่านกลไกความร่วมมือชายแดนเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษ ผ่านคณะกรรมการระดับสูง (High level committee)
ด้าน นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยยังเน้นเรื่องการสื่อสารให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่ ดังนี้ 1) ขอให้ประชาชนการหลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง จนกว่าผลตรวจทางห้องปฏิบัติการจะยืนยันว่าไม่พบสารหนูและตะกั่วเกินมาตรฐาน เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว 2) ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพตนเองในกลุ่มอาการที่เกิดจากการได้รับพิษจากสารหนูและตะกั่ว
3) การจัดการน้ำอุปโภคบริโภคในครัวเรือนให้เกิดความปลอดภัยกับสุขภาพของประชาชน เช่น การกรองเพิ่มเติมเพื่อลดความขุ่นและการเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กรมอนามัยจะดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและสื่อสารให้ความรู้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์การปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติ