สปสช. หนุนศึกษา “ยาอิมิชิซูแมบ” เพิ่มประสิทธิผลป้องกันเลือดออกใน “ผู้ป่วยฮีโมฟีเลียเอ”

บอร์ด สปสช. หนุนโครงการศึกษา “ยาอิมิชิซูแมบ” ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ในการเพิ่มประสิทธิผลป้องกันอาการเลือดออกใน “ผู้ป่วยฮีโมฟีเลียเอ” ต่อเนื่อง 2 ปี เพื่อบรรจุเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ เพิ่มคุณภาพชีวิตดีให้ผู้ป่วยและช่วยประหยัดค่ายารักษาฮีโมฟีเลียในระบบบัตรทอง
เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 68 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการรประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) โดยในวันนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ “ข้อเสนอขอรับการสนับสนุนงบประมาณสำหรับยาป้องกันอาการเลือดออกในผู้ป่วยฮีโมฟีเลียเอ (Hemophilia A) จากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และมติคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง”
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวมีที่มาจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ขอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สนับสนุนงบประมาณค่ายาใน “โครงการยาอิมิซิซูแมบ (emicizumab) ในการป้องกันอาการเลือดออกในผู้ป่วยฮีโมฟีเลีย เอ ที่ไม่มีและมีสารต้าน” เป็นจำนวน 122 ล้านบาท เพื่อประกอบการเสนอให้เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ “บัญชีพิเศษ รายการยาสำหรับโครงการพิเศษของหน่วยงานของรัฐ (restricted list 1; R1)” โดยคาดว่ายาดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ป่วยฮีโมฟีเลียเอมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการลดอาการเลือดออกรุนแรงที่ต้องมาโรงพยาบาล ขณะเดียวกันยังส่งผลให้งบค่ารักษาผู้ป่วยฮีโมฟีเลียเอในภาพรวมลดลงจากการใช้ยานี้ร่วมกับยาแฟคเตอร์ 8 (factor VIII)
สำหรับข้อเสนอที่บอร์ด สปสช. เห็นชอบนี้จะให้การดูแลที่ครอบคลุมผู้ป่วยฮีโมฟีเลียเอสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) โดยทุกรายที่จะใช้ยานี้ต้องได้รับการอนุมัติจากเครือข่ายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโลหิตวิทยาก่อน ซึ่งปีแรกกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ป่วยที่อายุไม่เกิน 10 ปี จำนวน 100 คน และผู้ป่วยที่มีสารต้านในระดับสูง จำนวน 30 คน วงเงินงบประมาณจำนวน 30 ล้านบาท และในปีที่ 2 เป็นผู้ป่วยอายุไม่เกิน 20 ปี จำนวน 150-200 คน และผู้ป่วยที่มีสารต้านในระดับสูงจำนวน 30 คน วงเงินงบประมาณจำนวน 92 ล้านบาท

“ข้อเสนอนี้เป็นการอนุมัติตามโครงการศึกษาวิจัยฯ ดำเนินการโดยโรงพยาบาลรามาธิบดี หากอิมิซิซูแมบมีประสิทธิผลจะช่วยลดค่ารักษาอาการเลือดออกในกลุ่มเด็กเล็กได้ถึง 160,000 บาทต่อคนต่อปี และในกลุ่มเด็กโตหรือผู้ใหญ่จะลดค่ารักษาราว 20,000 บาทต่อคนต่อปี โดยคาดว่าในปีแรกจะช่วยลดงบประมาณได้ราว 17 ล้านบาท เรียกว่าส่งผลที่ดีต่อผู้ป่วยและงบประมาณกองทุนบัตรทอง” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า โรคฮีโมฟีเลียเอ เป็นโรคเลือดออกง่ายหยุดยากที่เกิดจากการขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือดชนิดแปด และมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมผ่านยีนด้อยในโครโมโซมเอ็กซ์ (X-linked recessive) ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเลือดออกง่ายแล้วหยุดยาก และมักเริ่มมีอาการหลังจากที่เด็กสามารถเคลื่อนไหวด้วยตัวเองได้ช่วงอายุ 6 เดือนขึ้นไป
ซึ่งจะมีลักษณะเป็นรอยช้ำขนาดใหญ่หรือเป็นก้อนนูนที่เกิดขึ้นจากการกระทบกระแทกเล็กน้อย ในบางรายอาจพบเลือดออกในกล้ามเนื้อ ในข้อ หรือในโพรงกระดูก สมอง เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยยาอิมิซิซูแมบเป็นยาที่มีประสิทธิผลในการป้องกันภาวะเลือดออกในผู้ป่วยฮีโมฟีเลียเอ ที่ไม่มีและมีสารต้าน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีเพิ่มขึ้น
สำหรับข้อเสนอโครงการยาอิมิซิซูแมบ ก่อนนำเสนอต่อบอร์ด สปสช. ในวันนี้ ที่ผ่านมาได้ผ่านกระบวนการพิจารณาโดยคณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตการให้บริการสาธารณสุข คณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน และคณะอนุกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์แล้ว โดยหลังจากนี้ สปสช. ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จะส่งโครงการดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการพัฒนาบัญชียาหลักแห่งชาติพิจารณาอนุมัติโครงการต่อไป จึงจะสามารถดำเนินการจัดหายาได้