เร่งฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ผู้ต้องขัง 2.7 แสนโดส ป้องกันการแพร่ระบาดในเรือนจำ
กรมควบคุมโรค และ สปสช. ร่วมป้องกันการแพร่ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่ในเรือนจำและสถานพินิจ ปี 2568 จัดสรรวัคซีน 2.7 แสนโดส เร่งฉีดให้กับผู้ต้องขังทั่วประเทศ 2.7 แสนคน ภายใน ก.ย. 68 พร้อมปรับระบบรายงานผล เพิ่มความสะดวก
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2568 นพ.ยงเจือ เหล่าศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวถึงแนวทางการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ปีงบประมาณ 2568 ว่า กลุ่มผู้ต้องขังเป็นกลุ่มเป้าหมายใหม่เพิ่งได้รับการบรรจุเป็นกลุ่มเป้าหมายในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เมื่อปี 2567 เนื่องจากเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด โดยเพิ่มเติมจากประชากรกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่มที่มีอยู่เดิม
ทั้งนี้เพื่อป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในเรือนจำและสถานพินิจเด็กและเยาวชนทั่วประเทศ โดยปีที่ผ่านมาจำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ต้องขังในเรือนจำมีจำนวน 271,600 ราย และมียอดจัดสรรวัคซีน 271,600 โดส
นพ.ยงเจือ กล่าวอีกว่า ในปี 2568 แนวทางการให้วัคซีนกลุ่มผู้ต้องขัง หลังการจัดกิจกรรมคิกออฟการรณรงค์ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ที่สถาบันบำราศนราดูรเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่ผ่านมา โดยรวมผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่เรือนจำ ซึ่งจะเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-31 ส.ค. 2568 ทั้งนี้กำหนดมีเป้าหมายการฉีดวัคซีนไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรร ส่วนวิธีการรายงานผลนั้น หน่วยบริการจะรายงานผลการให้บริการรายบุคคลผ่านระบบ KTB สปสช. โดยขอให้รายงานผลให้เสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ย. 2568
ทพญ.น้ำเพชร ตั้งยิ่งยง ผู้อำนวยการฝ่ายสนับสนุนบริการปฐมภูมิและการสร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การให้บริการวัคซีนในกลุ่มผู้ต้องขังเป็นการให้บริการแก่ทุกคน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่พักอาศัยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ หากเกิดการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่จะแพร่ระบาดได้ง่าย ที่ผ่านมาการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้ต้องขังในปี 2567 ปัญหาที่พบ คือ การบันทึกผลการฉีดวัคซีนในกลุ่มผู้ต้องขังทำได้ยาก ไม่สอดคล้องกับบริบทในเรือนจำ อย่างไรก็ดีในปี 2568 นี้ จะมีการปรับให้เพิ่มช่องทางการบันทึกผลการให้วัคซีนกลุ่มผู้ต้องขังด้วยการอัพโหลดเอ็กเซลไฟล์ได้ รวมทั้งมีการเพิ่มกลุ่มเป้าหมายในส่วนของผู้ต้องขังที่เป็นเยาวชนในสถานพินิจซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกัน
ทพญ.น้ำเพชร กล่าวต่อว่า จำนวนกลุ่มเป้าหมายผู้ต้องขังในเรือนจำและสถานพินิจฯ จะใช้จำนวนประชากรที่มีการลงทะเบียนสิทธิในเดือน ก.พ. 2568 ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 273,500 คน และขณะนี้วัคซีนส่วน่หนึ่งได้จัดส่งถึงหน่วยบริการเรียบร้อยแล้ว รวมถึงวัคซีนสำหรับสถานพินิจ 7,269 โดส จึงขอความร่วมมือหน่วยบริการในการรณรงค์ฉีดวัคซีนในกลุ่มนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องขังเป็นกลุ่มเป้าหมายปิด จึงน่าจะสามารถให้วัคซีนได้ครบถ้วนตามจำนวนที่ได้รับจัดสรร