กรมอนามัย เผยเด็กไทยอ้วนเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน ชูกลไก “Back To School เรียนดี สุขภาพดี มีความสุข”

กรมอนามัย จับมือ ภาคีเครือข่าย จัดประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนวัยรุ่น ขับเคลื่อนกลไก “Back To School เรียนดี สุขภาพดี มีความสุข” เน้นดูแลตั้งแต่เด็กทั้งกายและใจ หวังลดเกิดโรค NCDs พร้อมเผยเด็กไทยอ้วนเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน
เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 68 ณ โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ สไตลิช คอนเวนชั่น จังหวัดนนทบุรี พญ.นงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวต้อนรับ ในการประชุมวิชาการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนวัยรุ่น พ.ศ. 2568 ภายใต้หัวข้อ “สุขภาวะเด็กไทยสู่พลเมืองโลก : The Well-being for Global Citizens” โดยมี นพ.ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย ผู้บริหารจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กรมพลศึกษา กรมกิจการเด็กและเยาวชน กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กรุงเทพมหานคร ศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พร้อมด้วย ผู้บริหาร นักวิชาการศึกษา นักวิชาการสาธารณสุข ครู นักเรียน และภาคีเครือข่าย จำนวน 450 คน เข้าร่วม
พญ.นงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ในวันนี้มีเป้าหมายเดียวกัน คือ ในคกลุ่มเด็ก วัยเรียน วัยรุ่น ซึ่งมีความสำคัญในการขับเคลื่อนและเป็นกลุ่มอนาคตสำคัญของประเทศ ทั้งนี้ถือเป็นความท้าทายที่จะร่วมมือกันทำงาน รวมถึงกระทรวงสาธารณสุขพยายามจะขับเคลื่อนเรื่องเด็กเกิดน้อยลง อย่างหลายโรงเรียนบางแห่ง 1 ห้องเรียนมีนักเรียนแค่ 10 คน ซึ่งจะส่งผลกระทบวัยทำงานต่อไปในอนาคตด้วย อีกทั้งประเทศไทยก็กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อผู้ดูแลเด็ก ดังนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูแลในเชิงระบบต่อไป

“ปัจจุบันปัญหาสุขภาพที่เจอคือ โรคติดต่อไม่เรื้อรังหรือโรคเอ็นซีดี อย่างเช่นเบาหวาน ความดัน เป็นต้น ซึ่งการดูแลประชาชนที่ไม่ให้เจ็บป่วยด้วยโรคเอ็นซีดี แน่นอนว่าต้องดูแลตั้งแต่ต้นทางจริงๆ ต้องดูแลตั้งแต่แรกคลอดด้วยซ้ำ ฉะนั้นในกลุ่มเด็กวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่เราจำเป็นต้องปลูกฝัง ปัจจุบันเด็กไทยอ้วนเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากประเทศมาเลเซียและประเทศบรูไน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องอาหารการกิน เรื่องของพฤติกรรมสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องพฤติกรรมเนือยนิ่ง ซึ่งค่าเฉลี่ยในการสำรวจพบว่าเด็กมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง 14 ชั่วโมงต่อวัน” พญ.นงนุช กล่าว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมอนามัยได้บูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายภายใต้กรอบความร่วมมือการพัฒนาศักยภาพเด็กไทยในศตวรรษที่ 21 ด้วยการยกระดับการพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรมการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนวัยรุ่น เน้นการสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพสามารถดูแลสุขภาพตนเอง และการสร้างพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ ฉะนั้นถือเป็นกลไกหลักสำคัญในการขับเคลื่อนในการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนวัยรุ่นไทยให้มีสุขภาพดีทุกมิติ
สำหรับการประชุมวิชาการครั้งนี้กำหนดหัวข้อ“สุขภาวะเด็กไทยสู่พลเมืองโลก : The Well-being for Global Citizens” เพื่อเน้นการเตรียมความพร้อมของเด็กสู่การเติบโตและพัฒนาเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ มีสุขภาวะที่ดีในทุกมิติ ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญา ควบคู่กับการพัฒนาทักษะชีวิตและทักษะที่จำเป็นสำหรับการเติบโตเป็น ‘พลเมืองโลก’ เป็นกำลังของประเทศชาติต่อไปในอนาคต

ด้านนพ.ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเสริมว่า สำหรับการประชุมวิชาการในครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และนำเสนอนวัตกรรมการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนและวัยรุ่น พร้อมชูแนวคิด “Back To School เรียนดี สุขภาพดี มีความสุข” ภายใต้ความร่วมมือของภาคีเครือข่ายในการสร้างนิเวศใหม่เพื่อการพัฒนาเด็กวัยเรียนวัยรุ่นอย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนี้จัดพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่โรงเรียนที่มีผลงานเด่นด้านการส่งเสริมสุขภาพเด็กวัยเรียนวัยรุ่น พ.ศ. 2568 จำนวน 6 ประเภท ได้แก่ 1) โรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับมาตรฐานสากล (GSHPS) ระดับ Excellence Award 2) โครงงานสุขภาพนักเรียน 3) โรงเรียนต้นแบบด้านโภชนาการ 4) โรงเรียนผู้พิทักษ์ฟันดี รุ่น 4 5) เครือข่ายโรงเรียนเด็กไทยฟันดี และ 6) โรงเรียนต้นแบบส่งเสริมกิจกรรมทางกาย โดยมีเป้าหมายในการขยายผลต้นแบบการดำเนินงานสู่โรงเรียนอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างสุขภาวะเด็กไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน