“แทมมี” ให้คำมั่น สหรัฐฯ ช่วยไทยเต็มที่ เตรียมบริจาควัคซีนให้รวม 2.5 ล้านโดส
พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทย เปิดเผยว่า สหรัฐฯ เตรียมส่งวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้ไทยทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดส โดยจัดส่งชุดแรกให้เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านโดส
“เราตระหนักดีว่าโรคระบาดไม่จำกัดพรมแดน หากเกิดเหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุขในภูมิภาคหนึ่งจะไม่มีภูมิภาคใดที่ปลอดภัย ดิฉันทราบถึงประกาศล่าสุดที่เราส่งวัคซีนโควิดไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านโดส (ให้แก่ไทย) ซึ่งที่จริงแล้วจะมีทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดส แต่การจัดส่งชุดแรกมีวัคซีน 1.5 ล้านโดส” วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เชื้อสายไทยผู้นี้ กล่าว
พันโทหญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ กล่าวระหว่างพิธีการเปิดงานเสวนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ “U.S. and Thailand Perspectives on Geostrategic Landscape and Regional Architecture” จัดโดยสถาบัน East-West Center ในกรุงวอชิงตันและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม วุฒิสมาชิกแทมมีเคยประกาศแสดงความยินดีเรื่องสหรัฐฯ มอบวัคซีนให้แก่ไทย โดยเธอระบุในแถลงการณ์เมื่อครั้งนั้นว่า “ดิฉันรู้สึกยินดีที่จะประกาศวันนี้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ มีความมุ่งมั่นเพื่อส่งมอบวัคซีนอย่างน้อย 1.5 ล้านชุดให้ประเทศไทย เพื่อช่วยให้ประชาชนชาวไทยเอาชนะปัญหาโควิด-19 ขณะที่การระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตากำลังเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก โดยการบริจาควัคซีนของสหรัฐฯ ซึ่งมีประสิทธิผลสูงนี้ไม่มีเงื่อนไขข้อจำกัดใด ๆ ทั้งสิ้น แต่มีขึ้นด้วยความเข้าใจว่าจะไม่มีประเทศใดที่ปลอดภัยจากโควิด-19 ได้อย่างสมบูรณ์จนกว่าทุกประเทศจะปลอดภัย”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. มติคณะทำงานด้านบริหารจัดการการให้บริการวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กรณีวัคซีนโควิดไฟเซอร์ของไทย ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐฯ ที่จะนำเข้ามายังไทยสิ้นเดือนนี้จำนวน 1.54 ล้านโดสนั้น จะได้รับการจัดสรรเป็นเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันของบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยโควิดทั่วประเทศและยังไม่ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นเข็มกระตุ้น จำนวน 700,000 โดส
นอกจากนี้ จะมีการจัดสรรวัคซีน 645,000 โดสให้ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค หญิงตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปในจังหวัดที่มีการระบาดสูง จัดสรรวัคซีน 150,000 โดสให้ชาวต่างชาติที่อาศัยในไทยโดยเฉพาะผู้สูงอายุ มีโรคเรื้อรัง รวมถึงผู้เดินทางไปต่างประเทศที่จำเป็นต้องรับวัคซีน เช่น นักการทูต นักศึกษา ส่วนวัคซีนอีก 5,000 โดส จะถูกจัดสรรเพื่อทำการศึกษาวิจัยโดยขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกรมควบคุมโรค และอีก 40,000 โดส จะสำรองเพื่อตอบโต้การระบาดของเชื้อกลายพันธุ์