คณะแพทย์ มช. เปิดตัว “ห้องเจาะเลือดอัตโนมัติควบวงจร” ลดขั้นตอน ลดระยะเวลารอคอย
คณะแพทยศาสตร์ มช. ยกระดับ “ห้องเจาะเลือดระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร” เพิ่มระบบจัดการคิวอัจฉริยะ ช่วยลดขั้นตอน ลดระยะเวลาการรอคอย แพทย์สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว เผยรองรับผู้รับบริการได้มากถึง 300 รายต่อชั่วโมง และลำเลียงหลอดเลือดได้ 1,200 หลอดต่อชั่วโมง
เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 67 ที่ ชั้น 15 อาคารเฉลิมพระบารมี คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ) นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นประธาน เปิดห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร (COMPLETE INTEGRATED TOTAL LAB AUTOMATION) แห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเทคโนโลยีทางห้องปฏิบัติการสูงสุด โดยมี รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และผู้บริหารคณะแพทยศาสตร์ รวมถึงประชาชนที่สนใจเข้าร่วมงาน
โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ภายใต้คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดตัวห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร (Complete Integrated Total Lab Automation) แห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยเทคโนโลยีทางห้องปฏิบัติการสูงสุด ยกระดับมาตรฐานการให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย รองรับการให้บริการที่มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น
“ห้องเจาะเลือดอัตโนมัติควบวงจร” ลดระยะเวลาการรอคอย
ศ.(เชี่ยวชาญพิเศษ)นพ.บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร (Complete Integrated Total Lab Automation)” สามารถเชื่อมโยงการทำงานตั้งแต่การเจาะเลือด การตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก ภูมิคุ้มกัน โลหิตวิทยา จนถึงการจัดการสิ่งส่งตรวจหลังการตรวจวิเคราะห์ นอกจากนี้ ยังได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้การบริการเป็นที่ยอมรับ สร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้ใช้บริการ โดยห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ระบบอัตโนมัติแบบครบวงจร มีความสะดวกและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า
การตรวจวิเคราะห์มีความแม่นยำสูงสุด
ห้องปฏิบัติการอัตโนมัติครบวงจรนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการการตรวจวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำสูงสุด ลดระยะเวลาการทำงาน และเพิ่มความสะดวกสบายทั้งแก่ทั้งผู้รับบริการและบุคลากร ด้วยระบบการทำงานที่เชื่อมต่อกันตั้งแต่กระบวนการเจาะเลือดไปจนถึงการจัดการผลตรวจวิเคราะห์ ด้วยสภาพแวดล้อมของห้องเจาะเลือดและห้องปฏิบัติการ ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัย และสอดคล้องตามมาตรฐานสากล
“ช่วยให้การทำงานของบุคลากรราบรื่น และผู้เข้ารับบริการได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของพันธกิจคณะแพทยศาสตร์ มช. ในการพัฒนาประสิทธิภาพ และคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ” นพ.บรรณกิจ กล่าว
ด้าน รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เปิดเผยว่า “งานปฏิบัติการชันสูตร โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ทำหน้าที่ในการให้บริการเก็บสิ่งส่งตรวจเพื่อตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ในปี 2566 ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้รับบริการเจาะเลือด 240,000 รายและให้บริการตรวจวิเคราะห์ถึง 5,400,000 รายการทดสอบ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 7 ในทุกปี ปัจจุบันจึงได้ยกระดับห้องปฏิบัติการให้ทันสมัยด้วยระบบห้องปฏิบัติการอัตโนมัติครบวงจร โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจวิเคราะห์ รองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น รวมถึงช่วยให้แพทย์สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาผู้ป่วย
รองรับผู้รับบริการได้มากถึง 300 รายต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ระบบจัดการคิวอัจฉริยะระบบคิวอัตโนมัติ (Self-service Kiosk) ช่วยให้ผู้รับบริการ สามารถกดรับคิวเจาะเลือดได้สะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย ทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนเสียงเรียกคิวเป็นภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ ระบบนี้เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของโรงพยาบาล จึงช่วยจัดการคิวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความแออัดในพื้นที่ ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเตรียมและติดฉลากหลอดเลือด ลดความผิดพลาดที่อาจเกิดจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ รองรับผู้รับบริการได้มากถึง 300 รายต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ ยังมี การใช้เครื่องเตรียมและติดฉลากหลอดเลือดอัตโนมัติ ที่ช่วยลดข้อผิดพลาดในการเตรียมหลอดเลือด และโปรแกรมบ่งชี้ตัวผู้ป่วยก่อนการเจาะเลือด หรือระบบ ABS (Auto Blood collection System) ช่วยยืนยันข้อมูลผู้ป่วยอย่างถูกต้อง รวมถึงแสดงประวัติสำคัญ เช่น การแพ้ยา เพิ่มความปลอดภัยและความแม่นยำในการให้บริการ
ลำเลียงหลอดเลือดได้มากถึง 1,200 หลอดต่อชั่วโมง
โดยห้องเจาะเลือดได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย มีโต๊ะที่มีระบบปรับอุณหภูมิที่วางแขน ช่วยให้ผู้รับบริการรู้สึกผ่อนคลายระหว่างการเจาะเลือด ทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยและลดความแออัดในพื้นที่ มีระบบสายพาน (Flextrac Conveyor System) ช่วยลำเลียงหลอดเลือดจากห้องเจาะเลือดไปยังห้องปฏิบัติการได้อย่างรวดเร็ว ลดการสัมผัสหลอดเลือดโดยเจ้าหน้าที่ พร้อมรองรับการลำเลียงได้มากถึง 1,200 หลอดต่อชั่วโมง
ห้องปฏิบัติการทันสมัย ด้วยระบบห้องปฏิบัติการอัตโนมัติครบวงจรนี้ ช่วยให้การตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก ภูมิคุ้มกัน และโลหิตวิทยาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด ลดการใช้แรงงานคน ลดระยะการรอคอยของผู้มาใช้บริการ และเพิ่มความพึงพอใจของผู้รับบริการ และยังช่วยให้บุคลากรสามารถจัดการสิ่งส่งตรวจที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษได้มากขึ้น เป็นการสนับสนุนการให้บริการที่รวดเร็ว และมีคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากล การพัฒนานี้ไม่เพียงแต่ยกระดับคุณภาพการบริการของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่มศักยภาพในการดูแลสุขภาพผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความไว้วางใจและความพึงพอใจสูงสุดแก่ประชาชน”
“การเปิดตัวห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ระบบอัตโนมัติแบบครบวงจรนี้ไม่เพียงแต่ช่วยยกระดับการให้บริการด้านสุขภาพในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาการดูแลสุขภาพในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้มีมาตรฐานระดับโลก” รศ.นพ.นเรนทร์ กล่าว