กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ยกระดับ “นวดไทย” ชูประโยชน์สมุนไพรภูมิปัญญาไทย หลังจากองค์การยูเนสโกประกาศขึ้นทะเบียน “ต้มยำกุ้ง” เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ ประจำปี 67 ต่อจากความสำเร็จในการขึ้นทะเบียน “นวดไทย” ในฐานะมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) ตั้งแต่ปี 62

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 67 นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การนวดไทยเป็นศาสตร์การบำบัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ในการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ปัจจุบันการนวดไทยได้รับการจัดหลักสูตรมาตรฐานที่ครอบคลุม อาทิ หลักสูตรนวดไทยเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง,หลักสูตรนวดฝ่าเท้าเพื่อสุขภาพ 60 ชั่วโมง,หลักสูตรวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ด้านการนวดไทย 1,300 ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 และพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556

ผู้ที่ผ่านการอบรม ได้รับใบประกอบวิชาชีพ สามารถประกอบอาชีพได้ทั้งในและต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีสถานฝึกอบรมที่ได้รับการรับรองรวม 27 แห่ง แบ่งเป็น 23 แห่งในประเทศไทย และ 4 แห่งในต่างประเทศ อีกทั้งภายหลังการแพร่ระบาดโรค โควิด-19 พบมูลค่าการนวดและสปาไทยมีมูลค่าถึง 70,151.39 ล้านบาท

นพ.สมฤกษ์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ ยูเนสโกให้การรับรอง “ต้มยำกุ้ง” เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติประจำปี 2567 ต่อจากความสำเร็จในการขึ้นทะเบียน “นวดไทย” ในฐานะมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ต้มยำกุ้ง ประกอบด้วยสมุนไพรที่มีสรรพคุณหลากหลาย เช่น ตะไคร้ ช่วยขับลม แก้จุกเสียด และลดอาการท้องอืด ใบมะกรูด ช่วยขับลม ดับกลิ่นคาว ข่า ช่วยบรรเทาอาการแน่นจุกเสียดและเสริมระบบย่อยอาหาร มะนาว อุดมด้วยวิตามินซี ช่วยขับเสมหะ พริกขี้หนู มีรสเผ็ดร้อน ช่วยขับลม ขับเหงื่อ ทำให้เจริญอาหาร ต้มยำกุ้งจึงได้รับความนิยม เพราะเป็นอาหารสมุนไพรถิ่นจากธรรมชาติที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรค

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับศาสตร์การแพทย์แผนไทย และสมุนไพร สามารถขอคำปรึกษา จากแพทย์แผนไทยในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ หรือติดต่อโดยตรง ที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก หมายเลขโทรศัพท์ 0 2149 5678 หรือช่องทางออนไลน์ที่เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/dtam.moph และ ไลน์แอดกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก line @DTAM