“มะเขือม่วง” เป็นพืชตระกูลมะเขือชนิดหนึ่ง เปลือกเป็นสีม่วง เนื้อข้างในเป็นสีขาว คนนิยมนำไปประกอบอาหารทั้งการต้ม ผัด อบ หรือนึ่ง มะเขือม่วงมีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายชนิด

ประโยชน์ของมะเขือม่วง
– อาจช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
– ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
– บำรุงสายตา
– ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร
– เสริมสร้างภูมิคุ้มกันช่วยเสริมให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรค
– ช่วยสมานแผลได้ดี
– ป้องกันอัลไซเมอร์
– ดอกสดหรือดอกแห้ง นำมาเผาให้เป็นเถ้า แล้วบดให้ละเอียด ใช้เป็นยาแก้ปวดฟัน
– ผลแห้งมีสรรพคุณเป็นยาขับเสมหะ
– ลำต้นหรือรากใช้ต้มกินเป็นยาแก้บิด หรือจะนำใบแห้งมาป่นให้เป็นผงใช้เป็นยาแก้โรคบิดก็ได้เช่นกัน
– ช่วยแก้อาการตกเลือดในลำไส้
– ใบแห้งใช้เป็นยาแก้ปัสสาวะขัด
– ช่วยรักษาโรคหนองใน
– ผลสดใช้เป็นยาพอกบริเวณที่เป็นแผลอักเสบ ฝีหนอง หรือโรคผิวหนังเรื้อรังและผดผื่นคัน
– ลำต้นหรือรากนำมาคั้นเอาน้ำใช้ล้างแผลเท้าเปื่อย
– ผลแห้งใช้ทำเป็นยาเม็ดแก้ปวด

ข้อควรระวังในการบริโภค
เนื่องจากมะเขือม่วงเป็นพืชที่มีสารพิษประเภทอัลคาลอยด์ปะปนอยู่ในปริมาณเล็กน้อยเช่นเดียวกับมันฝรั่ง พริกไทย การบริโภคมะเขือม่วงจึงมีข้อควรระวัง ดังต่อไปนี้
– ควรล้างทำความสะอาดพร้อมปรุงให้สุกทุกครั้งก่อนบริโภค
– มะเขือม่วงมีสารโซลานีน (Solanine) ที่อาจทำให้แสบร้อนในลำคอ คลื่นไส้ อาเจียน หรือหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ ดังนั้น จึงควรบริโภคในปริมาณที่พอดี
– มะเขือม่วงมีสารออกซาเลต (Oxalate) ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของนิ่วในไต จึงควรบริโภคในปริมาณที่พอดี
– โปรตีนในมะเขือม่วงอาจเป็นสาเหตุของอาการแพ้ได้ แต่พบได้ค่อนข้างน้อย
– หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตร สามารถบริโภคมะเขือม่วงได้อย่างปลอดภัยในปริมาณที่ไม่มากเกินไป และควรบริโภคอาหารให้ครบทุกหมู่ รวมทั้งผักและผลไม้ให้หลากหลายเพื่อบำรุงร่างกายและได้รับปริมาณสารอาหารครบถ้วน